ไต้หวันกำลังเผชิญวิกฤตการเมืองอย่างหนักนับตั้งแต่ประธานาธิบดีจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ไล่ ชิงเต๋อ ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อพฤษภาคม 2024 โดยรัฐบาลของเขาถูกฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) และพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) ขัดขวางการทำงานอย่างต่อเนื่องผ่านการคว่ำร่างกฎหมายและงบประมาณในสภานิติบัญญัติ (Legislative Yuan)
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงในเดือนมกราคม เมื่อฝ่ายค้านร่วมกันตัดงบประมาณภาครัฐถึง 6.6% หรือราว 207.5 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระทรวงสำคัญอย่างกลาโหม การต่างประเทศ และดิจิทัล ในช่วงที่จีนมีท่าทีแข็งกร้าวทางทหารและดำเนินสงครามข้อมูลกับไต้หวันอย่างต่อเนื่อง
การตัดงบถูกมองว่าเป็นการ “ทรยศต่อผลประโยชน์ของชาติ” จนนำไปสู่กระแสการล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน ส.ส.ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรค KMT ซึ่งขณะนี้มีเสียงรวมในฝ่ายค้านอยู่ที่ 62 จาก 113 ที่นั่ง ขณะที่พรรค DPP มีเพียง 51 ที่นั่ง
ตามกฎหมายการเลือกตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่รัฐของไต้หวัน การถอดถอน ส.ส. ใช้กระบวนการ 3 ขั้นตอน ต้องรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นๆ ให้ได้ 1% ในขั้นแรก และ 10% ในขั้นที่สอง ก่อนเข้าสู่ขั้นสุดท้ายคือการลงประชามติที่ต้องมีผู้มาใช้สิทธิอย่างน้อย 25% ของผู้มีสิทธิในเขตนั้น และเสียงส่วนใหญ่ต้องเห็นด้วยกับการถอดถอน
แม้จะใช้เวลาและพลังมหาศาล แต่การเคลื่อนไหวของประชาชนครั้งนี้ตั้งเป้าไว้ที่ มากกว่า 30 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ โดยมีการจัดตั้งทีมอาสาสมัครในพื้นที่ได้ถึง 35 ทีม และจนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม มี ส.ส. พรรค KMT ถึง 31 คนที่ผ่านด่านไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งท้องถิ่นเพื่อเตรียมเข้าสู่การลงประชามติถอดถอนในช่วงปลายกรกฎาคมหรือต้นสิงหาคม
ในขณะที่ KMT ก็พยายามใช้วิธีเดียวกัน ยื่นถอดถอน ส.ส. DPP ถึง 17 คน แต่ยังไม่มีกรณีใดผ่านเกณฑ์ 10% ในขั้นตอนที่สอง
โยชู หวัง อาสาสมัครในขบวนการถอดถอน กล่าวว่า ความสำเร็จของการเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง “ความเข้มแข็งของประชาสังคมและวัฒนธรรมประชาธิปไตยของไต้หวัน” ขณะที่ ยาอิตะ อากิโอะ นักข่าวการเมืองอาวุโสจากญี่ปุ่น วิเคราะห์ว่า สิ่งที่ผลักดันคนไต้หวันออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ มาจากความรู้สึกไม่พอใจที่ฝ่ายค้าน “ทำลายชาติด้วยการตัดงบความมั่นคง” เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
ขณะที่อนาคตของรัฐบาลไล่ ชิงเต๋อยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่คลื่นพลังของประชาชนในครั้งนี้ได้จุดประกายใหม่ให้กับการเมืองไต้หวัน ทั้งในแง่ของการมีส่วนร่วม และความหวังในการทวงคืนสภาที่แท้จริงให้กับประชาชน.
อ้างอิง: GlobalVoice
ภาพ: MNews