ในกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ชายผู้ลี้ภัยจากซีเรียและอิรักราว 15 คนมารวมตัวกันทุกสัปดาห์ในกิจกรรมที่เรียกว่า “ดิวันนียะห์” วงพูดคุยที่เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้พวกเขาได้เล่าความรู้สึก แบ่งปันเรื่องราว “ก่อนและหลังสงคราม” และฟื้นคืนตัวตนที่สูญหายไป

หนึ่งในสมาชิกประจำอย่าง ซาเล็ม (นามสมมติ) หนีสงครามจากซีเรียในปี 2013 เขาหวังจะเริ่มต้นใหม่ในจอร์แดน แต่กลับเผชิญความลำบากทั้งเรื่องงาน การเงิน และสุขภาพของภรรยา “ผมรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรครอบครัวไม่ได้” เขากล่าว “แม้แต่จะพาภรรยาไปหาหมอ หรือส่งลูกสาวเรียนต่อก็ยังลำบาก”

แม้องค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะให้ความสำคัญกับผู้หญิงและเด็กเป็นหลัก ผู้ชายอย่างซาเล็มกลับตกหล่นจากการสนับสนุน เนื่องจากแนวคิดทางเพศแบบเหมารวมที่มองว่าผู้ชาย “เข้มแข็งกว่า” และ “ไม่เปราะบาง”

แต่ในความเป็นจริง ผู้ลี้ภัยชายจำนวนมากในจอร์แดนต้องเผชิญกับความเครียด ความซึมเศร้า และภาวะหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD) บวกกับปัญหาทางกฎหมายด้านการทำงาน การไม่มีใบอนุญาต หรือการถูกจับและส่งตัวกลับเข้าค่าย

ลูอิส เทิร์นเนอร์ นักวิจัยด้านมนุษยธรรมระบุว่า ผู้ลี้ภัยชายมักถูกละเลย เพราะองค์กรไม่คิดจะรวมพวกเขาไว้ในภาพของ “ผู้เปราะบาง” ทั้งที่พวกเขาก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการพลัดถิ่นและระบบที่ไม่เอื้อให้เข้าถึงความช่วยเหลือ

“งานเคยเป็นส่วนสำคัญของตัวตนผู้ชาย แต่ตอนนี้พวกเขาสูญเสียมันไป” จูดี้ โอลด์ฟิลด์-วิลสัน จากองค์กร Collateral Repair Project (CRP) กล่าว เธอเป็นหนึ่งในทีมผู้ริเริ่มวงพูดคุย Diwaniya หลังจากภรรยาของผู้ลี้ภัยหลายคนบอกว่าสามีเคร่งเครียดและซึมเศร้า

ในวงนี้ ไม่มีใครต้องแข็งแกร่ง ทุกคนพูดในสิ่งที่รู้สึกได้ เช่น ความรู้สึกผิดที่ตนรอดชีวิตมาได้ในขณะที่เพื่อนฝูงตายจากสงคราม หรือความหดหู่ที่ไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ตามบทบาทเดิมในสังคม

กิจกรรมนี้ช่วยลดความโดดเดี่ยว และสร้างพลังใจให้ผู้ชายเหล่านี้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง “ในกลุ่มนี้ ทุกคนฟังกันจริงๆ” คาริม อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนจากอิรักกล่าว “ผมมีปัญหามากมาย แต่ที่นี่ทำให้ผมมีแรงเดินต่อ”

การที่ชื่อของกลุ่มคือ “ดิวันนียะห์” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันคือพื้นที่ในบ้านของชาวอาหรับที่ผู้ชายใช้ต้อนรับแขกอย่างเป็นกันเอง วันนี้ มันกลายเป็นที่รับฟังความเจ็บปวดจากสงครามและการไร้ที่ยืนของผู้ชายผู้ลี้ภัย

แม้ความช่วยเหลือยังไม่เท่าเทียม แต่กลุ่มอย่างดิวันนียะห์กำลังเปลี่ยนสมการที่พิสูจน์ว่า ผู้ลี้ภัยชายก็ควรมีพื้นที่สำหรับการเยียวยาใจ และมีสิทธิที่จะได้รับการรับฟังเช่นกัน

อ้างอิง: Bright Magazine on Medium