แม้กว่า 191 ประเทศที่ลงนามในอนุสัญญาบาเซลจะตกลงให้ขยะพลาสติกผสมจัดเป็นของเสียอันตราย และห้ามการส่งออกจากประเทศร่ำรวยไปยังประเทศยากจนตั้งแต่ปี 2019 แต่ขยะพลาสติกจำนวนมากยังเล็ดลอดผ่านช่องโหว่ในชื่อ “เชื้อเพลิงที่ได้จากขยะ” หรือ RDF (Refuse-Derived Fuel)
RDF คือขยะบดละเอียดที่ประกอบด้วยพลาสติกอุตสาหกรรม เศษไม้ และกระดาษ ที่ถูกส่งข้ามประเทศเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงาน โดยเฉพาะในโรงงานปูนซีเมนต์ ผู้สนับสนุนอ้างว่า RDF เป็นทางออกของขยะ 353 ล้านตันต่อปีที่ 91% ไม่เคยถูกรีไซเคิล และสามารถลดการพึ่งพาถ่านหินได้
แต่กลุ่มสิ่งแวดล้อมกลับมองว่า RDF คือการ “ล่าอาณานิคมขยะ” ในรูปแบบใหม่ เนื่องจากขยะเหล่านี้มักลงเอยในประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีมาตรการควบคุมมลพิษเพียงพอ แม้โรงงานจะอ้างว่าเตาเผาอุณหภูมิสูงสามารถเผาสารพิษได้หมด แต่หลักฐานกลับชี้ว่า การเผาพลาสติกปล่อยสารพิษ เช่น ไดออกซิน โลหะหนัก และก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเชื่อมโยงกับมะเร็ง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคทางระบบประสาท
องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมเรียกร้องให้ปิดช่องโหว่ของ RDF ในอนุสัญญาบาเซล แต่ในการประชุมล่าสุดกลับไม่มีการแก้ไขข้อกำหนดอย่างจริงจัง นักรณรงค์อย่าง Yuyun Ismawati จากอินโดนีเซียกล่าวว่า “หากเราจะจัดการ RDF เราต้องกล้ายอมรับว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง”
แม้ RDF จะเป็นทางออกที่ดูยั่งยืนในเชิงเศรษฐกิจและหมุนเวียน แต่คำถามใหญ่ยังคงอยู่: เรากำลังจัดการขยะ — หรือแค่โยนปัญหาไปยังประเทศที่ไม่มีอำนาจต่อรอง?
ภาพ: ecoidea.me
อ้างอิง: Grist
