ผ่านไป 5 ปีหลังการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ และกระแสเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจที่ลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ บรรยากาศในปี 2024 กลับสะท้อนถึง “การถอยหลัง” จากความเปลี่ยนแปลงที่เคยหวังไว้
ในรัฐมินนิโซตา กองทุนประกันตัวผู้ต้องหาที่เคยมีบทบาทสำคัญในช่วงประท้วงปี 2020 กำลังลดบทบาทจากภารกิจหลักคือการช่วยจ่ายเงินประกันตัวให้กับผู้ชุมนุม
ในรัฐแอละบามา รัฐบาลผ่านกฎหมาย “Back the Blue” ซึ่งขยายความคุ้มครองทางกฎหมายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพิ่มความยากลำบากในการเอาผิดพวกเขา
ในเวสต์เวอร์จิเนีย กฎหมายใหม่อนุญาตให้ตำรวจเข้ารับการฝึกอบรมบางส่วนในโรงเรียน ทั้งที่เพียงไม่กี่ปีก่อน หลายเมืองในสหรัฐฯ เคยผลักดันให้นำตำรวจออกจากระบบการศึกษาเพื่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน
แนวโน้มเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ “Police Week” แห่งชาติ และก่อนครบรอบ 5 ปีของเหตุการณ์ที่ตำรวจมินนีแอโพลิสใช้เข่ากดคอฟลอยด์จนเสียชีวิต — จุดเริ่มต้นของกระแส “Black Lives Matter” ครั้งใหญ่ทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังมีข่าวที่สะท้อนการลดแรงสนับสนุนการปฏิรูป เช่น คณะลูกขุนในรัฐเทนเนสซีมีมติยกฟ้องอดีตตำรวจ 3 นายที่ถูกกล่าวหาว่ารุมทำร้าย ไทรี นิโคลส์ จนเสียชีวิต แม้ว่าพวกเขาจะถูกลงโทษในคดีของรัฐบาลกลางแล้ว หรือที่รัฐมิชิแกน คดีที่ตำรวจยิง แพทริก ลิโอยา ระหว่างการจับกุมในปี 2022 จบลงด้วยการที่ลูกขุนลงมติไม่เป็นเอกฉันท์ ทำให้เกิด “มิสไทรอัล” หรือการพิจารณาคดีล้มเหลว ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่ารัฐจะฟ้องใหม่หรือไม่
ในภาพรวม สถิติการเอาผิดตำรวจยังคงต่ำ แม้จะมีการผลักดันให้โปร่งใสขึ้นหลังปี 2020 นักวิชาการจากมหาวิทยาลัย Bowling Green State ชี้ว่า จำนวนการดำเนินคดีตำรวจยัง “ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ”
องค์กรกำกับดูแลตำรวจในระดับประชาชน ซึ่งเคยเป็นข้อเรียกร้องสำคัญในปี 2020 ก็กำลังเผชิญแรงต้านทางการเมืองเช่นกัน เช่นในนิวยอร์ก ศาลสูงรัฐเพิ่งจำกัดอำนาจของคณะกรรมการตรวจสอบตำรวจเมือง Rochester ให้ทำได้เพียง “ให้คำแนะนำ” ต่อโยบาย โดยไม่มีสิทธิสอบสวนหรือดำเนินการลงโทษใดๆ
ที่บัลติมอร์ คณะกรรมการความรับผิดชอบตำรวจที่เพิ่งก่อตั้งในปี 2022 ก็กำลังสับสนว่า ตนมีสิทธิเข้าถึงคำร้องเรียนของประชาชนหรือไม่
แม้เสียงเรียกร้องเพื่อความยุติธรรมยังไม่เงียบหาย แต่แนวโน้มในหลายรัฐชี้ชัดว่า สหรัฐฯ กำลังเคลื่อนตัวห่างออกจากการปฏิรูปที่เคยเป็นประเด็นหลักหลังปี 2020 — เหลือไว้เพียงความหวังว่าจะมีคลื่นลูกใหม่กลับมาผลักดันอีกครั้งในอนาคต
อ้างอิง: The Marshall Project