ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ชาวนิวยอร์กทุกคนต้องแยก “ขยะอินทรีย์” เช่น เศษอาหาร เปลือกผลไม้ กล่องพิซซ่าที่เปื้อนซอส หรือเศษใบไม้ ออกจากขยะทั่วไปอย่างจริงจัง มิฉะนั้นเจ้าของอาคารหรือผู้ให้เช่าอาจถูกปรับเริ่มต้นที่ 25 ดอลลาร์
มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันโปรแกรม “แยกขยะอินทรีย์หน้าบ้าน” (Curbside Composting) ที่เทศบาลนครนิวยอร์กเปิดตัวอย่างเป็นทางการในทั้ง 5 เขตเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายให้การจัดเก็บขยะอินทรีย์กลายเป็นเรื่องปกติประจำสัปดาห์ เหมือนกับการแยกขยะกระดาษ พลาสติก หรือโลหะ
เพื่อสร้างความเข้าใจ ทางกรมสุขาภิบาลนครนิวยอร์ก (DSNY) ได้ส่งเอกสารประชาสัมพันธ์ทางไปรษณีย์ไปทั่วเมือง และจัดประชุมกับชุมชนเพื่ออธิบายรายละเอียดการแยกขยะอินทรีย์ รวมถึงบทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังถูกวิจารณ์อย่างหนักในประเด็น “ความโปร่งใส” และ “ความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อม” โดยข้อมูลจาก DSNY ระบุว่า แม้จะมีการเก็บขยะอินทรีย์จากทั่วเมือง แต่มีเพียงประมาณ 20% เท่านั้นที่ถูกส่งไปยังศูนย์ทำปุ๋ยหมักบนเกาะสแตเทน ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังโรงบำบัดน้ำเสียบริเวณรอยต่อระหว่างบรู๊คลินกับควีนส์
ที่โรงงานบำบัด ขยะอินทรีย์จะถูกผสมกับตะกอนน้ำเสียแล้วผ่านกระบวนการหมักไร้ออกซิเจน ซึ่งจะปล่อยก๊าซมีเทนและก๊าซชีวภาพอื่นๆ ออกมา ก๊าซเหล่านี้อาจนำไปใช้ผลิตพลังงานหรือกลั่นเป็นก๊าซธรรมชาติ แต่ประชาชนในพื้นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าโรงงานแห่งนี้กลับเผาก๊าซทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
ส่วนของเหลือจากกระบวนการหมักที่เรียกว่า digestate แม้จะสามารถนำไปใช้ปรับปรุงดินได้ในทางทฤษฎี แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนกังวลว่าอาจมีคุณภาพต่ำเกินไป เนื่องจากถูกผสมกับน้ำเสีย จึงอาจถูกทิ้งในหลุมฝังกลบอยู่ดี
ในทางตรงกันข้าม เมืองอย่างลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโกมีระบบจัดการขยะอินทรีย์ที่โปร่งใสและเชื่อถือได้ เช่น ลอสแองเจลิสใช้ขยะอินทรีย์ทำปุ๋ยสำหรับเกษตรกร ส่วนซานฟรานซิสโกก็ส่งปุ๋ยให้ไร่องุ่นในหุบเขานาปา
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมมองว่า นี่อาจเป็นโอกาสของนิวยอร์กที่จะพัฒนา “เรื่องราวที่ดี” เช่นกัน หากสามารถแสดงให้เห็นว่าขยะอินทรีย์ของเมืองสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์เพื่อชุมชนชนบทและการเกษตรในรัฐนิวยอร์กได้จริง
มาตรการนี้ถือว่ายังใหม่สำหรับนิวยอร์ก และอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการบังคับใช้ แต่ด้วยการลงโทษที่ชัดเจนและการรณรงค์เชิงรุก เมืองนี้อาจกลายเป็นตัวอย่างของมหานครที่แยกขยะอินทรีย์อย่างจริงจังในอนาคตอันใกล้
อ้างอิง: Grist